Featured
Following
27 minutes ago•••
So Mullvad isn’t trustworthy ? I can’t keep up 🤷‍♂️
44 minutes ago•••
Generational wealth is built when the weak fold and the bold stack. #Bitcoin
46 minutes ago•••
Soon you’ll wish you hadn’t shited yourself and stacked more #Bitcoin on this dip.
BitcoinSandy replied 45 minutes ago
1
45 minutes ago•••
In a decent society;
- doxxing would get your tongue cut out
- stealing would get your hand cut off
- child abuse would get the noose
- corruption and fraud would get the guillotine
- rape and murder would get the firing squad
- exile would be used for everything else
Instead we live in societies where property crimes are downplayed and victimless crimes, crimes against the state, are pursued with vigour.
This is why society is crumbling around us.
Bitcoiners should NOT blame all this on “Fiat”.
Fiat exists around the entire world yet only western societies are suffering the immense degradation of culture through anarcho-tyranny.
53 minutes ago•••
Exchanges sent billions to ByBit to help mitigate contagion from the hack.
Then they had a backroom meeting to liquidate leveraged traders by tanking the market to make it all back.
Don’t play their games. Just buy #Bitcoin and HODL. Big bounce incoming.
1 hour ago•••
Neil Young talks about the “soul” of Rock N’ Roll and what it truly means. nprofile1qqsq7wymhffc2l24wsp2fkrulqukcpr8a0ra7xvjnrwvncxjnvl3frcpzemhxue69uhhyetvv9ujuurjd9kkzmpwdejhgqgjwaehxw309ac82unsd3jhqct89ejhxqgdwaehxw309ahx7uewd3hkcr775h7
1 hour ago•••
Czechia: Did you know that before WWI, Czechs were the most industrialized population within the Austrian Empire? Now, can their innovative spirit lead Central Europe's green tech revolution? #History #Innovation
1 hour ago•••
“AM I DREAMING??” 😂😂😂😂😂
“I was making my morning coffee and the next thing you know I’m fighting a deer in the backyard!” https://video.nostr.build/e2b86ddeecda9c7fe6562648a95c6ecf868fe6c1c7bc83910fa18245042c792d.mp4
1 hour ago•••
Wake up with determination. Go to bed with satisfaction.
GM #Nostr
1 hour ago•••
🪷ปฏิจจสมุปบาท: หลักแห่งอิทัปปัจจยตาและการดับทุกข์
(อิงตามคำสอนท่านพุทธทาสและพุทธพจน์)
1. ความหมายของปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาท (Paticca-samuppāda) แปลว่า “การอิงอาศัยกันเกิด” เป็นหลักคำสอนที่แสดงถึง กระบวนการแห่งเหตุและผล ที่ทำให้เกิดทุกข์และการดับทุกข์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา
พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน ตติยสูตร (สํ.ส.15/69/46) ว่า:
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่า ความทุกข์ทั้งปวงย่อมเกิดขึ้นจากปัจจัย ไม่ได้เกิดขึ้นเองหรือเพราะเหตุใดเหตุหนึ่งโดยไม่มีเหตุปัจจัย”
แนวคิดหลักของปฏิจจสมุปบาท คือ “เมื่อสิ่งหนึ่งมี สิ่งหนึ่งจึงมี” หรือ อิทัปปัจจยตา (Idappaccayatā) กล่าวคือ ทุกสิ่งเกิดจากเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นลอยๆ หากดับเหตุ ปัจจัยที่เป็นผลก็จะดับลง
2. กระบวนการ 12 องค์ของปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาทมี 12 องค์ประกอบ (ปัจจัย) ที่แสดงให้เห็นว่า ชีวิตของเราถูกครอบงำด้วยวัฏจักรของทุกข์ ซึ่งแต่ละองค์อิงอาศัยกันเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่อง
1. อวิชชา (Avijjā) – ความไม่รู้ อวิชชาคือความไม่รู้แจ้งใน อริยสัจ 4 ไม่เข้าใจว่าสิ่งทั้งปวงเป็นไปตามเหตุปัจจัย จึงเกิดความยึดติด หลงผิด คิดว่าโลกนี้มีตัวตนแท้จริง
2. สังขาร (Sankhāra) – การปรุงแต่ง เมื่อมีอวิชชา ย่อมนำไปสู่ สังขาร คือการปรุงแต่งกรรม ทั้งทางกาย วาจา และใจ กรรมเหล่านี้เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดสภาวะต่อไป
3. วิญญาณ (Viññāṇa) – จิตรับรู้ จากการปรุงแต่งของสังขาร วิญญาณจึงเกิดขึ้น วิญญาณคือการรับรู้อารมณ์ทั้งหลาย เช่น วิญญาณทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ
4. นามรูป (Nāmarūpa) – นามธรรมและรูปธรรม เมื่อมีวิญญาณ ก็ทำให้เกิด นามรูป คือส่วนที่เป็นนามธรรม (เช่น เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ) และรูปธรรม (กายและสสาร)
5. สฬายตนะ (Saḷāyatana) – อายตนะทั้งหก เมื่อนามรูปเจริญขึ้น ย่อมทำให้เกิด อายตนะ ทั้งหก ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ซึ่งเป็นช่องทางรับรู้โลก
6. ผัสสะ (Phassa) – การกระทบสัมผัส เมื่ออายตนะทั้งหกทำงาน ก็เกิด ผัสสะ คือการสัมผัสทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความรู้สึก
7. เวทนา (Vedanā) – ความรู้สึก จากผัสสะ นำไปสู่ เวทนา คือความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ เมื่อเวทนาเกิดขึ้น ย่อมเป็นเหตุให้เกิดตัณหา
8. ตัณหา (Taṇhā) – ความอยาก เมื่อมีเวทนา ก็เกิด ตัณหา คือความอยากได้ อยากมี อยากเป็น หรืออยากหลีกหนีจากสิ่งที่ไม่ชอบ
9. อุปาทาน (Upādāna) – ความยึดมั่นถือมั่น เมื่อตัณหาแรงกล้า ก็กลายเป็น อุปาทาน คือความยึดมั่นในตัวตน ความคิด หรือสิ่งของ ทำให้เกิดความทุกข์
10. ภพ (Bhava) – การเกิดภพใหม่ อุปาทานทำให้เกิด ภพ คือการก่อรูปก่อร่างของภาวะการมีตัวตนและการกระทำกรรมใหม่
11. ชาติ (Jāti) – การเกิด ภพเป็นเหตุให้เกิด ชาติ คือการเกิดขึ้นของสภาวะใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเกิดทางกายภาพ หรือเกิดทางอัตลักษณ์ เช่น ความเป็นตัวตน ความเป็นเจ้าของ
12. ชรามรณะ (Jarāmaraṇa) – ชราและมรณะ เมื่อมีการเกิด ก็ต้องมี ชราและมรณะ คือความแก่ ความเสื่อม ความพลัดพราก และความตาย อันเป็นบ่อเกิดของทุกข์
3. การดับทุกข์ด้วยกระบวนการย้อนกลับของปฏิจจสมุปบาท
หากมองกระบวนการนี้ในแง่ของ การดับทุกข์ สามารถอธิบายได้ว่า • เมื่อไม่มีอวิชชา (มีปัญญารู้แจ้งอริยสัจ) • สังขารก็ไม่เกิด (ไม่มีการปรุงแต่งที่ผิด) • เมื่อไม่มีสังขาร → วิญญาณไม่เกิด → นามรูปไม่เกิด → อายตนะไม่เกิด → ผัสสะไม่เกิด → เวทนาไม่เกิด → ตัณหาไม่เกิด → อุปาทานไม่เกิด → ภพไม่เกิด → ชาติไม่เกิด → ชรามรณะไม่เกิด
นี่คือ กระบวนการแห่งนิโรธ หรือการดับทุกข์ ที่นำไปสู่ นิพพาน
4. ปฏิจจสมุปบาทซ้อนปฏิจจสมุปบาท และแนวคิดเชิงลึกของท่านพุทธทาส
ท่านพุทธทาสอธิบายว่า ปฏิจจสมุปบาท ไม่ได้มีเพียง 12 องค์เท่านั้น แต่สามารถ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ เช่น • เวทนานำไปสู่ตัณหา • ตัณหานำไปสู่อุปาทาน • อุปาทานนำไปสู่การกระทำกรรมใหม่ ซึ่งย้อนกลับไปเป็นสังขารอีกรอบ
กระบวนการนี้วนเวียนซ้ำไปไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าจะเกิด “ปัญญา” และสามารถดับเหตุปัจจัยได้
5. ตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน
สมมติว่ามีคนตำหนิเรา → เรารู้สึกไม่พอใจ (เวทนา) → เกิดความอยากตอบโต้ (ตัณหา) → ยึดมั่นว่าตนเองถูกต้อง (อุปาทาน) → เกิดการกระทำตอบโต้ (ภพ) → มีปัญหาและความทุกข์เกิดขึ้น (ชาติ ชรามรณะ)
หากเรามีสติ ตัดวงจรปฏิจจสมุปบาทตรงเวทนา โดยไม่ให้เกิดตัณหาและอุปาทาน ก็สามารถยุติความทุกข์ได้
6. ทางออกจากวัฏจักรของทุกข์
การเข้าใจปฏิจจสมุปบาทไม่ใช่เพียงแค่การเรียนรู้ทฤษฎี แต่ต้องนำไปปฏิบัติในชีวิตจริง โดย 1. ตัดวงจรที่เวทนา – ฝึกสติให้รู้เท่าทันความรู้สึก ไม่ให้ตัณหาเกิดขึ้น 2. ใช้ปัญญาเข้าใจอริยสัจ – เมื่อเห็นความเป็นเหตุเป็นผล ก็ไม่หลงยึดมั่น 3. ปฏิบัติตามอริยมรรค – ดำเนินชีวิตด้วยศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อนำไปสู่นิพพาน
นี่คือหัวใจของพุทธศาสนาและคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เพื่อให้เราหลุดพ้นจากทุกข์อย่างแท้จริง
🪷ปฏิจจสมุปบาทซ้อนปฏิจจสมุปบาท: กระบวนการแห่งการเกิดทุกข์และการดับทุกข์โดยละเอียด
1. ปฏิจจสมุปบาทซ้อนปฏิจจสมุปบาท คืออะไร?
ปฏิจจสมุปบาทไม่ได้เป็นเพียงกระบวนการ 12 องค์ที่เกิดขึ้นเพียงรอบเดียวแล้วจบ แต่ กระบวนการนี้สามารถเกิดซ้ำๆ ในลักษณะเป็นลูกโซ่ ซึ่งหมายความว่า เมื่อเกิดทุกข์หนึ่ง ก็นำไปสู่การเกิดทุกข์ใหม่ และเมื่อเกิดปัญญาหนึ่ง ก็สามารถนำไปสู่การดับทุกข์ใหม่
ตัวอย่างเช่น • อวิชชานำไปสู่อวิชชาใหม่ โดยผ่านการปรุงแต่งที่ต่อเนื่อง • ตัณหานำไปสู่ตัณหาใหม่ ผ่านกระบวนการของเวทนาและอุปาทาน • หากสามารถหยุดกระบวนการของทุกข์หนึ่งได้ ก็สามารถหยุดกระบวนการของทุกข์ที่ซ้อนกันไปได้เช่นกัน
ดังนั้น ปฏิจจสมุปบาทซ้อนปฏิจจสมุปบาท คือ กระบวนการที่เชื่อมโยงระหว่างวัฏจักรของทุกข์และวัฏจักรของการดับทุกข์ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การเกิดทุกข์และการดับทุกข์นั้นมีลักษณะเป็น “ระบบเหตุปัจจัยที่เกี่ยวเนื่องกัน”
2. วัฏจักรของทุกข์: จากอวิชชาสู่ชรามรณะ
เริ่มต้นจาก “อวิชชา” ซึ่งเป็นรากเหง้าของปฏิจจสมุปบาท ทำให้เกิดการปรุงแต่งกรรม (สังขาร) เมื่อสังขารเกิดขึ้น ก็ทำให้มี วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ ชาติ และชรามรณะ
เมื่อเกิดชรามรณะ ก็นำไปสู่ทุกข์ใหม่ และทุกข์นั้นก็นำไปสู่อวิชชาใหม่อีกครั้ง วงจรนี้จึงดำเนินต่อไปไม่สิ้นสุด
3. วัฏจักรของการดับทุกข์: จากทุกข์สู่นิพพาน
หากพิจารณากระบวนการของปฏิจจสมุปบาทจากมุมมองของการ “ดับทุกข์” จะพบว่ามีลำดับของปฏิจจสมุปบาท อีกชุดหนึ่ง ที่นำไปสู่การหลุดพ้น ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น “ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายดับทุกข์”
ลำดับของการดับทุกข์ 1. ทุกข์ (Dukkha) → เมื่อประสบทุกข์ ย่อมทำให้เกิดความต้องการหาทางออกจากทุกข์ 2. สัทธา (Saddhā) – ศรัทธา → เมื่อมีความทุกข์แล้วเข้าใจว่าต้องมีทางออกจากทุกข์ ย่อมเกิดศรัทธาในธรรมะ 3. ปราโมท (Pāmojja) – ความเบิกบาน → เมื่อเกิดศรัทธา ก็เริ่มศึกษาและปฏิบัติธรรม เมื่อพบว่าธรรมะช่วยให้พ้นทุกข์ ย่อมเกิดความเบิกบาน 4. ปีติ (Pīti) – ปีติยินดี → ความเบิกบานนำไปสู่ความอิ่มเอมใจ มีปีติที่เกิดจากความเข้าใจในธรรมะ 5. ปัสสัทธิ (Passaddhi) – ความสงบระงับ → เมื่อมีปีติ ความฟุ้งซ่านลดลง จิตใจเริ่มสงบ 6. สุข (Sukha) – ความสุขสงบ → เมื่อจิตสงบ ก็เกิดความสุขทางจิตที่มั่นคง 7. สมาธิ (Samādhi) – สมาธิ → เมื่อมีสุขสงบ จิตจะตั้งมั่นแน่วแน่ เกิดสมาธิที่มั่นคง 8. ยถาภูตญาณทัศนะ (Yathābhūtañāṇadassana) – ญาณทัศนะเห็นตามความเป็นจริง → เมื่อมีสมาธิ จิตจะสามารถมองเห็นสิ่งทั้งหลายตามความเป็นจริง ไม่หลงผิด 9. นิพพิทา (Nibbida) – ความหน่ายคลายกำหนัด → เมื่อเห็นตามความเป็นจริงแล้ว ย่อมเกิดความหน่ายคลายจากสิ่งที่เคยยึดมั่น 10. วิราคะ (Virāga) – ความคลายกำหนัด → เมื่อหน่ายแล้ว ย่อมหมดความยึดติด 11. วิมุตติ (Vimutti) – ความหลุดพ้น → เมื่อหมดความยึดติด ก็เป็นอิสระจากพันธนาการของวัฏสงสาร 12. ขยญาณ (Khayañāṇa) – ญาณรู้แจ้งการสิ้นไปของสังขาร → เมื่อพ้นแล้ว ย่อมรู้แจ้งว่าสังขารทั้งปวงดับไปตามเหตุปัจจัย 13. นิพพาน (Nibbāna) – ดับทุกข์โดยสิ้นเชิง → ความดับทุกข์อย่างสิ้นเชิง เป็นอิสระจากวัฏจักรแห่งการเกิดและดับ
4. กลไกเชิงลึก: กระบวนการเปลี่ยนผ่านจากทุกข์สู่นิพพาน
กระบวนการนี้สามารถอธิบายได้ว่า ทุกข์ที่เกิดขึ้น ไม่จำเป็นต้องนำไปสู่ตัณหาและอุปาทานเสมอไป หากมีปัญญากำกับ
กลไกของการเปลี่ยนแปลง 1. แทนที่ทุกข์จะนำไปสู่ตัณหา (ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายเกิดทุกข์) → ให้ใช้ปัญญาในการพิจารณา 2. ความเข้าใจในทุกข์ ทำให้เกิดศรัทธาในธรรมะ 3. ศรัทธานำไปสู่การปฏิบัติธรรม และเกิดความสงบสุขแทนการแสวงหาตามตัณหา 4. ความสงบและสมาธิ ทำให้เห็นความจริงของสังขารว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่มีตัวตน 5. เมื่อเห็นว่าสิ่งทั้งปวงเป็นอนัตตา ก็หมดความยึดมั่น ถือมั่นในตัวตน 6. การละความยึดมั่นนี้ นำไปสู่การดับทุกข์โดยสิ้นเชิง
5. ตัวอย่างในชีวิตจริง
กรณีของคนที่ติดความโลภ • ปกติ: ทุกข์ → ตัณหา → อุปาทาน → กิเลสเพิ่ม → ทุกข์ใหม่เกิดขึ้น • กระบวนการดับทุกข์: ทุกข์ → ศรัทธา → สมาธิ → ปัญญา → วิราคะ → วิมุตติ → ดับทุกข์
ตัวอย่างเช่น คนที่โลภเงินทอง เมื่อประสบทุกข์เพราะเงินไม่พอใช้ หากปล่อยให้เป็นไปตามปฏิจจสมุปบาทเดิม ก็จะเกิด ตัณหา และหาวิธีแสวงหามากขึ้นโดยไม่สิ้นสุด แต่หากใช้ปัญญาแทน ก็จะเห็นว่าความโลภไม่ใช่ทางออก เมื่อเข้าใจความจริงนี้ ก็จะคลายความยึดมั่นในเงินทอง และเข้าถึงความสุขที่แท้จริง
6. สรุป: ทางออกจากวัฏจักรของทุกข์
ปฏิจจสมุปบาทซ้อนปฏิจจสมุปบาท แสดงให้เห็นว่าทุกข์สามารถนำไปสู่ทุกข์ใหม่ได้ หากไม่มีปัญญา แต่หากใช้ปัญญา ทุกข์ก็สามารถกลายเป็นโอกาสในการพัฒนาไปสู่นิพพาน
ดังนั้น หัวใจของคำสอนนี้คือ 1. ใช้ปัญญาเข้าใจความทุกข์ 2. หยุดตัณหาและอุปาทานให้ได้ 3. เดินตามกระบวนการแห่งการหลุดพ้น คือ ศรัทธา สมาธิ และปัญญา
เมื่อปฏิบัติได้จริง ก็จะสามารถออกจากวัฏจักรแห่งทุกข์ และเข้าถึงสภาวะนิพพาน ซึ่งเป็นการหลุดพ้นอย่างแท้จริง
#Siamstr #พุทธวจน #ปรัชญาชีวิต #nostr #ธรรมะ #พุทธศาสนา
5 hours ago•••
Back in the @npub10qr...xqj8 studio reading “The Big Print” by @npub1d3f...r4xv
It’s a damn good book. Doing my best to do it justice in the audiobook 🫡
5 hours ago•••
Motherfuckin tea bag wisdom at it again.
5 hours ago•••
Blue light blocker glasses have been a total game changer. It’s shocking how terribly your eyes react to artificial blue light. Head is so much more relaxed, way less agitated, a much greater calm. I’d challenge anyone to try for themselves.
7 hours ago•••
Need YouTube views?
1sat per view.
(I really need the $ 😅)
8 hours ago•••
Over the years I've developed a sense for shitcoiners.
If I meet one at a conference or meetup they don't even need to say anything about it. I can tell they're still in the casino.
Some of you may know what I'm talking about.
I'm beginning to get that same sense for people who still use Twitter and Instagram.
8 hours ago•••
15 cheapest countries for retirement in 2025:
• Portugal: $2,500/mo • Panama: $2,400/mo • Mexico: $1,800/mo • Colombia: $1,600/mo • Thailand: $1,500/mo • Vietnam: $1,400/mo • Malaysia: $1,300/mo • Ecuador: $1,200/mo • Nicaragua: $1,200/mo • Peru: $1,200/mo • Philippines: $1,200/mo • Costa Rica: $1,800/mo • Cambodia: $1,100/mo • Bolivia: $1,000/mo • Honduras: $1,000/mo
LOAD OLDER THREADS